โรคไฮเปอร์ ( Attention
Deficit Hyperactivity Disordes) ย่อว่า ADHD เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติทางสมอง ซึ่งพบมากในเด็ก มักเรียกที่ป่วยโรคนี้ว่าเด็กไฮเปอร์ มีหลักฐานว่าเกิดจาก ความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งมักเป็นโดยกำเนิด หรือ
เป็นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาแล้ว อาการส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับสมาธิของเด็ก
พบได้ไม่มาก ไม่เกิน 5 เปอร์เซนต์ของเด็กทั่วไป
อาการโรคไฮเปอร์
ควรเปรียบเทียบกับเด็กทั่วไป เพราะ
จะเห็นอาการได้ชัด ส่วนมากคือไม่สามารถนั่งเล่นอยู่กับที่ได้นานเกิน 20 นาทีให้ต้องสงสัยเอาไว้ก่อน
จากนั้น ให้จับตาสังเกตุพฤติกรรมต่างๆ ดังนี้
- มีอาการสมาธิสั้น สังเกตุได้ง่ายคือ
จะไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งใดได้เป็นเวลานาน ครูมักพบในชั้นเรียนว่า
ขณะกำลังเรียนหนังสืออยู่ หากมีอะไรผ่านหน้าห้องเรียน หรือ
เสียงจากภายนอกห้องเรียนเด็กจะไม่สนใจหนังสือเรียน แต่
จะหันไปให้ความสนใจสิ่งภายนอก โดยจะหันไปสนใจทันที อีกกรณีหนึ่ง คือ
มักจะไม่สามารถทำงานที่ได้รับหมอบหมาย หรือ การบ้านไม่เสร็จ เพราะจะมัวแต่คิดถึงเรื่องอื่น
นอกเหนือจากงานที่ได้รับหมอบหมาย นอกจากนั้นแล้ว บางรายจะมีอาการเหม่อลอย
คิดแต่เรื่องในใจ ซึมเศร้าก็สามารถพบได้
- มีอาการใจร้อน พวดพลาด ไม่สามารถรออะไรนานๆได้
เช่น การแทรกพูด ขณะที่คนอื่นกำลังคุยกันอยู่
การทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่ครบตามที่ได้สั่ง เพราะ
ลุกลี้ลุกลนไม่มีความรอบครอบ มักจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากกว่าเด็กทั่วไป
- มีอาการดื้อซน อยู่นิ่งไม่ได้
มีความซนมากกว่าเด็กทั่วไป ไม่เชื่อฟังคำสั่ง เรียกว่าอาการ Hyper
Activity
กลุ่มอาการโรคไฮเปอร์
ทั้งนี้อยู่ที่การดูแลสภาพแวดล้อมขณะเด็ก
ถ้าหากได้รับการดูแลอย่างดีจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็น ความสามารถพิเศษด้านต่างๆ เพื่อ
ชดเชยอาการสมาธิสั้น
- กลุ่มอาการก้าวร้าว ขวางโลก ต่อต้านสังคม
ชอบความรุนแรง เป็นคนใจร้อน แก้ปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง ขาดการยั้งคิด
มีอารมณ์แปรปรวนรุนแรง เป็นอันตรายต่อสังคม
- กลุ่มอาการซึมเศ้รา เหงาหงอย
ไม่กล้า ขี้อาย เก็บตัว ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่เห็นคุณค่าในตนเอง
มีโอกาสเสี่ยงในการทำร้ายตนเองจนถึงฆ่าตัวตาย
การรักษาโรคไฮเปอร์
การรักษา จะต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และ
รักษาตั้งแต่ยังเด็ก โดยปัจจัยหลัก คือ ครอบครัว
แพทย์จะต้องทำความเข้าใจกับครอบครัว ให้รับสภาพความเป็นจริง จากนั้น
จะกำหนดวิธีการรักษา ให้เวลากับลูกมากเป็นพิเศษ ค่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆ และ
ติดตามความก้าวหน้า ผู้ป่วยจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เมื่อเป็นผู้ใหญ่
- การรักษาจะต้องทำร่วมกับแพทย์
และ ผู้ปกครองเนื่องจากผู้ปกครองจะเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุด
จึงเข้าใจ และ ทราบถึงอาการผิดปกติมากที่สุด
การทำการดูแลปรับพฤติกรรมจะต้องทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง
และ ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อผลการรักษาที่เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
- การทำกิจกรรมเสริมทักษะ
เพื่อ การเพิ่มสมาธิให้กับเด็ก โดยใช้ดนตรี ศิลปะ กีฬาที่ใช้สมองเข้าช่วย
ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังเพื่อทำร้ายคู่แข่ง หรือ
กีฬาที่ต้องมีการปะทะกัน เพราะ จะทำให้กระตุ้นความรุนแรงในตัวเด็กง่ายขึ้น
- การเสริมสร้างระเบียบให้เด็ก
เช่น การตรงต่อเวลา การทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง การจัดเวรทำความสะอาด
โดยการค่อยๆให้เด็กมีส่วนร่วม และ มีผู้ปกครองเป็นผู้ร่วมกิจกรรมนั้นด้วยเสมอ
แล้วค่อยๆถอยออกมาจนเด็กสามารถทำได้ด้วยตนเอง
- การจัดสภาพแวดล้อม
ควรจัดให้มีความเป็นระเบียนเรียบร้อย ปราศจากสิ่งเร้าสิ่งรบกวน งดเสียงดัง
ไม่ควรพาเด็กไปสถาณที่วุ่นวาย คนพลุกพล่าน
- กำหนดกติกาต่างๆ
เพื่อ ฝึกวินัย หลีกเลี่ยงการลงโทษโดยความรุนแรงเมื่อเด็กทำผิด
ควรพูดให้เด็กเข้าใจถึงกฏกติกาที่ตกลงไว้แต่แรก และ งดการให้รางวัลในสิ่งที่เด็กชอบ
แต่เมื่อ เด็กทำได้ตามตกลงควรกล่าวคำชม และ ของรางวัลตามที่ตกลง
เพื่อสร้างแรงจูงใจ
- โรคนี้สามารถเป็นโรคที่เป็นมาแต่กำเนิด ไม่สามารถรักษาหายได้ทันที แต่ สามารถปรับเปลี่ยนได้อยู่ที่การดุแลเอาใจใส่ โดย พ่อแม่ผู้ปกครองถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้เด็กโตมาปกติ เพราะ จะอยู่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุด เข้าใจเด็กมากที่สุด ผู้ปกครองที่มี การดูแลเด็กไฮเปอร์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ ให้เร็วที่สุด ก่อนจะสายเกินไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://lungwee.com/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น